เซ็กส์ ประโยชน์และข้อควรรู้ เพื่อให้ห่างไกลโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
เซ็กส์ เป็นองค์ประกอบสำคัญในกระบวนการสืบพันธุ์ นอกจากนี้เซ็กส์ยังอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพกายและจิตใจ เช่น ช่วยผ่อนคลายความเครียด กระชับความสัมพันธ์ของคู่รัก อย่างไรก็ตาม การมีเซ็กส์โดยไม่ป้องกันอาจเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จึงควรศึกษาถึงวิธีป้องกันอย่างถูกต้องก่อนมีเพศสัมพันธ์
เซ็กส์ คืออะไร
เซ็กส์ คือ การร่วมเพศเพื่อการสืบพันธุ์ การสร้างความสัมพันธ์ การมีชีวิตคู่และสร้างครอบครัว หรืออาจทำเพื่อความพึงพอใจ เซ็กส์ยังมีหลากหลายรูปแบบไม่จำกัดตามรสนิยมของแต่ละบุคคล ดังนี้
- การมีเซ็กส์แบบไม่สอดใส่ คือการมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่มีการนำอวัยวะเพศเข้าทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือช่องปาก ทำเพียงแค่กระตุ้นภายนอกเท่านั้น
- การมีเซ็กส์แบบสอดใส่ คือการมีเพศสัมพันธ์โดยมีการสอดใส่อวัยวะเพศชายหรือเซ็กส์ทอยเข้าสู่ช่องคลอด
- การมีเซ็กส์ทางทวารหนัก คือการที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวาร โดยคู่รักอาจสอดใส่องคชาตหรือเซ็กส์ทอยทางทวารหนัก
- การช่วยตัวเอง เป็นการสำเร็จความใคร่ตัวเองโดยการใช้นิ้วหรือเซ็กส์ทอยกระตุ้นบริเวณอวัยวะเพศ เช่น คลิตอริส ปากช่องคลอด องคชาต ทวารหนัก
- ออรัลเซ็กส์ คือการใช้ปากและลิ้นกระตุ้นอวัยวะเพศของคู่รัก เป็นการมีเซ็กส์ที่ไม่ทำให้ตั้งครรภ์ แต่อาจเสี่ยงเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
ประโยชน์ของเซ็กส์
ประโยชน์ของเซ็กส์ มีดังนี้
1. กระชับความสัมพันธ์
เนื่องจากเซ็กส์อาจทำให้คู่รักสื่อสารอารมณ์ ความรู้สึก และความต้องการของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งอาจทำให้มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น เพิ่มความสนิทสนม ความไว้วางใจ โดยไม่เขินอายขณะใช้เวลาร่วมกัน
2. เพิ่มภูมิคุ้มกัน
การมีเซ็กส์บ่อย ๆ อาจช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ลดความเสี่ยงการเจ็บป่วย เนื่องจากการมีเซ็กส์ต้องใช้แรงคล้ายกับการออกกำลังกายที่ช่วยให้ร่างกายมีแอนติบอดีเพิ่มขึ้น จากการศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร SAGE Journal Online เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2547 โดยนักวิจัยของวิทยาลัยสบูร์กเอสเซน ประเทศเยอรมนี ได้รวบรวมการรายงานความถี่การมีเพศสัมพันธ์ของชายหญิง จำนวน 112 คน ที่ถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มคือ
- ไม่เคยมีเซ็กส์
- มีเซ็กส์น้อยกว่า 1 ครั้ง/สัปดาห์
- มีเซ็กส์ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ 4.มีเซ็กส์มากกว่า 3 ครั้ง/สัปดาห์
ซึ่งพบว่า กลุ่มที่มีเซ็กส์บ่อยอาจทำให้ร่างกายมีอิมมูโนกลบบูลินเอ (Immunoglobulin A) ที่เป็นแอนติบอดีสูง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ภูมิคุ้มกันต่อสู้กับแบคทีเรีย ไวรัส และสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายที่เป็นหนึ่งในสาเหตุก่อให้เกิดการเจ็บป่วยและโรคต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ควรเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ นอนหลับให้เพียงพอ ฉีดวัคซีนตามที่คุณหมอกำหนด เพื่อให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. ลดความเครียด
การมีเซ็กส์อาจทำให้สมองหลั่งฮอร์โมนเอนดอร์ฟิน (Endorphin) และออกซิโตซิน (Oxytocin) ที่เป็นฮอร์โมนแห่งความสุข ช่วยลดความเครียด และทำให้นอนหลับสนิทเนื่องจากรู้สึกผ่อนคลาย
4. บำรุงสุขภาพหัวใจ
ความเครียดเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นสูง ส่งผลต่อสุขภาพหัวใจ การมีเซ็กส์จึงอาจช่วยรักษาความสมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone) ลดความดันโลหิต และช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจได้
5. เผาผลาญแคลอรี่
เซ็กส์เป็นการออกกำลังกายรูปแบบหนึ่ง ที่มีการเคลื่อนไหวและใช้พลังงานมาก จึงอาจช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ การมีเพศสัมพันธ์อย่างเร่าร้อนอาจทำให้เผาผลาญมากถึง 300 แคลอรี่
6. บรรเทาอาการปวด
เซ็กส์อาจทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข ช่วยลดความเครียด และอาจช่วยบรรเทาอาการปวดต่าง ๆ เช่น ปวดศีรษะ ปวดประจำเดือน รวมถึงปวดขา และปวดข้อ
7. ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
เนื่องจากมะเร็งเกิดจากเซลล์เจริญเติบโตผิดปกติ การมีเซ็กส์ทุกวันอาจทำให้ผู้ชายหลั่งอสุจิเป็นประจำ นำไปสู่การลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก นอกจากนี้ การช่วยตัวเองก็สามารถลดช่วยความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้ทราบผลลัพธ์ในการลดความเสี่ยงโรคมะเร็งที่แน่ชัด
วิธีการมีเซ็กส์อย่างปลอดภัย
การมีเซ็กส์อาจทำให้มีโอกาสสัมผัสกับสารคัดหลั่ง เช่น อสุจิ เลือด น้ำลาย และสารหล่อลื่นในช่องคลอด ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้เช่น โรคเริม หนองในแท้ หนองในเทียม ซิฟิลิส (Syphilis) โรคเอดส์ เพื่อความปลอดภัยจึงควรศึกษาวิธีการมีเซ็กส์อย่างปลอดภัย ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือการมีเซ็กส์หลายคน เพราะการเปลี่ยนคู่นอนอาจเพิ่มโอกาสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ใช้ถุงนางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ควรเลือกถุงยางอนามัยที่ทำจากลาเท็กซ์หรือโพลียูรีเทน (Polyurethane) แทนน้ำยางจากธรรมชาติ เพื่อป้องกันการเกิดอาการแพ้น้ำยางจากธรรมชาติ ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองอวัยวะเพศ
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก เนื่องจากอาจทำให้ควบคุมร่างกายได้ยาก และไม่มีสติจนหลงลืมการป้องกัน ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสที่อาจนำไปสู่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น วัคซีป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสเอชพีวี (HPV)
- เข้ารับการตรวจคัดกรองโรคเป็นประจำ